3 อ 2 ส | 3 อ 2.5 License
| วันที่ 13 มีนาคม 2561 | อ่าน: 48, 995 ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า แฟ้มภาพ กระทรวงสาธารณสุข จัดมหกรรมสุขภาพโรคไม่ติดต่อ (NCD Forum 2017) ประชุมวิชาการเพื่อการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อ โดยระดมผู้เชี่ยวชาญและบุคลากร ด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการป้องกันปัญหาโรคไม่ติดต่อในระดับชาติ ภายใต้แนวคิด "ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์บูรณาการโรคไม่ติดต่อยุคไทยแลนด์ 4.
- 3 อ 2.0.2
- โครงการสร้างเสริมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในชุมชน โดยใช้หลัก3อ2ส
- หลัก - YouTube
3 อ 2.0.2
- 3 อ 2 3 4
- สุขภาพดี ชีวีสดใสด้วย “3 อ. 2 ส.”
- กรม สบส. เปิดผลพฤติกรรมสุขภาพ 3 อ. 2 ส. ยุค New Normal ในสถานการณ์โรคโควิด-19 | Hfocus.org เจาะลึกระบบสุขภาพ
- 3 อ 2 ส 1 ฟ
- แนะใช้หลัก 3อ. 2ส. ลดการเกิดโรค - Thaihealth.or.th | สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
1422 " ขอขอบคุณ ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า ภาพ: สุขภาพน่ารู้, สสส.
โครงการสร้างเสริมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในชุมชน โดยใช้หลัก3อ2ส
ศ. 2551 และ ครั้งที่ 5 พ. 2557 ตามลำดับ พบว่า ความชุกของเบาหวานเพิ่มขึ้นจาก 6. 9 เป็น 8. 9 และความชุกของความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น จาก 21. 4 เป็น 24.
อย่าลืมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3 อ 2 ส กันนะจ๊ะ ครั้งที่ 1 เริ่ม 1 มีนาคม 2556 เขียนโดย Data Center kuiburi 16:54 ครั้งที่ 1 เริ่ม 1 มีนาคม 2556 ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 1 เป็น เวลา 1 เดือนนะครับ ทำแล้วคีย์ใน JHCIS ด้วยนะ Z71. 3
ปฏิบัติตามหลัก 3 อ. 2 ส. ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ ทุกเพศ ทุกวัย และควรปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้เป็นนิสัย นายชาญยุทธ พรหมประพัฒน์ ผู้อำนวยการกองสุขศึกษา กล่าวเชิญชวนประชาชนให้ปฏิบัติ ตามหลัก 3 อ. ซึ่งจะช่วยห่างไกลจากโรค มะเร็ง ดังนี้ อ. ที่ 1 คือ อาหาร รับประทานอาหารสะอาด ปราศจากสารปนเปื้อน เช่น อาหารหมักดอง อาหารที่ใส่สีฉูดฉาด หรืออาหารแปรรูป อาหารปิ้งย่างประเภทที่มีการไหม้เกรียม หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้น้ำมันซ้ำหลายๆ ครั้ง ควรรับประทานผักหลากสีและผลไม้สดทุกวัน ซึ่งจะมีสารต้านอนุมูลอิสระและมีเส้นใยช่วยป้องกัน มะเร็ง ในระบบทางเดินอาหาร อ. ที่ 2 คือ ออกกำลังกาย เป็นประจำ สัปดาห์ละ 5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทานโรค อ. ที่ 3 คือ อารมณ์ดี รู้จักสร้างความสุขให้ตนเอง เช่น ฟังเพลง ร้องเพลง ดูโทรทัศน์ เลี้ยงสัตว์ ปลูกต้นไม้ พูดคุยพบปะกับเพื่อน หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด ส. ที่ 1 คือ สูบบุหรี่ ควรเลิก และไม่ทดลอง เพราะการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เป็น โรคมะเร็ง ปอด มะเร็งกล่องเสียง และมะเร็งอื่นๆ อีกมายมาย ที่จะเกิดขึ้นกับตัวผู้สูบเองและคนใกล้ชิดโดยเฉพาะคนในครอบครัว ส.
หลัก - YouTube
4 รองลงมา คือ ร่วมสังสรรค์ ดื่มสุรา มีผู้ปฏิบัติร้อยละ 19 และหลังออกกำลังกาย เมื่อกลับถึงบ้านไม่อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที มีผู้ปฏิบัติร้อยละ14 ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนดูแลตัวเอง ไม่ควรสวมหน้ากาก ขณะออกกำลังกาย ไม่สังสรรค์ด้วยการดื่มสุราร่วมกัน เพราะมีความใกล้ชิด และอาจใช้แก้วเดียวกันในการดื่ม รวมถึงเมื่อถึงบ้านควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคของท่านและครอบครัว
| วันที่ 01 ตุลาคม 2558 | อ่าน: 52, 296 กรมควบคุมโรคสำรวจพบ ภาคกลางมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจมากสุด ด้านภาคอีสานมีปัญหาโรคไต ส่วน กทม. คาดแหล่งรวมทุกโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เหตุพฤติกรรมการกิน พบสูบบุหรี่ -ดื่มเหล้ามากขึ้น กินผลไม้ลดลง แนะใช้หลัก 3 อ. 2 ส. ดูแล แฟ้มภาพ นพ. โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร. ) แถลงข่าวผลการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ ว่า ประเทศไทยมีคนเสียชีวิตราว 430, 600 คน จำนวนนี้ร้อยละ 70 หรือประมาณ 314, 000 คน เสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อ คร. จึงดำเนินการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยง โรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ในประชากรอายุ 15-79 ปี จำนวน 22, 502 คน จาก 12 เขตสุขภาพ ช่วง ก. พ. - ก. ค. 2558 พบว่า ประชาชนทราบว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุดถึงร้อยละ 15. 3 หรือประมาณ 5. 7 ล้านคน ซึ่งมากกว่าปี 2553 ที่พบร้อยละ 9. 1 หรือประมาณ 4. 1 ล้านคน ขณะผู้ที่ทราบว่าตนป่วยเป็นโรคเบาหวานพบร้อยละ 8. 3 หรือประมาณ 2. 4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่พบร้อยละ 4. 2 หรือประมาณ 1. 9 ล้านคน โดยการเพิ่มขึ้นนั้นอาจมาจากการตรวจสุขภาพมากขึ้น "ปัจจุบันประเทศไทยมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน โดยผลสำรวจพบร้อยละ 30.
3 อ 2 ส รู้ไว้ห่างไกลโรคความดันโลหิตสูง - YouTube
สุรา เป็นสาเหตุของโรคมากกว่า 200 ชนิด รวมถึงความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ อุบัติเหตุอื่นๆ นำมาซึ่งการสูญเสียมากมาย ดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพราะสุขภาพจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตัวเราเองทั้งนั้นนะจ๊ะ อ้างอิง: 1. hfocus 2. กระทรวงสาธารณสุข ภาพประกอบ: pixabay